10 คำถามวัดระดับความเครียด

แบบทดสอบ: การประเมินระดับความเครียดของคุณ

ความเครียดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต บางครั้งก็ยังเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า แต่ความเครียดที่มากเกินไปหรือความเครียดเรื้อรังนั้นมีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง การทราบระดับความเครียดเป็นขั้นตอนแรกในการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ แบบทดสอบระดับความเครียดนี้จะช่วยคุณประเมินว่าระดับความเครียดของคุณมากแค่ไหน และสิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ตอบคำถามต่อไปนี้อย่างตรงไปตรงมา ให้คะแนนแต่ละข้อจาก 1 (ไม่เคย) ถึง 5 (เสมอ)

  1. ฉันรู้สึกว่าหน้าที่รับผิดชอบทำให้ฉันรู้สึกท่วมท้น 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

  2. ฉันมีปัญหาในการนอนหลับเนื่องจากความกังวล 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

  3. ฉันรู้สึกตึงเครียดหรือวิตกกังวลเป็นประจำ 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

  4. ฉันมีปัญหาในการจดจ่อกับงาน 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

  5. ฉันรู้สึกหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียง่าย 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

  6. ฉันมักรู้สึกเหนื่อย แม้ว่าจะนอนหลับเต็มที่แล้วก็ตาม 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

  7. ฉันมีอาการปวดศีรษะหรือกล้ามเนื้อตึงบ่อยครั้ง 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

  8. ฉันพึ่งพาคาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือสารอื่นๆ เพื่อรับมือกับความเครียด 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

  9. ฉันมีปัญหาทางเดินอาหาร (เช่น ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย) 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

  10. ฉันถอนตัวจากกิจกรรมทางสังคมหรือความสัมพันธ์ 1 (ไม่เคย)………2…….…3….…….4…………5 (เสมอ)

การให้คะแนน

รวมคะแนนของคุณสำหรับแต่ละคำถามเพื่อรับคะแนนความเครียดทั้งหมด

  • 10-20: ความเครียดต่ำ

    • ความเครียดระดับต่ำ เป็นความเครียดปกติและสามารถจัดการได้

  • 21-30: ความเครียดปานกลาง

    • คุณมีความเครียดในระดับปานกลาง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณ พิจารณานำเทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย หรือการพูดคุยกับเพื่อนหรือที่ปรึกษา

  • 31-40: ความเครียดสูง

    • คุณกำลังประสบกับความเครียดระดับสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องบริหารความเครียด ขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพหรือปรึกษาแพทย์หากจำเป็น

การจัดการความเครียด

  1. ออกกำลังกายเป็นประจำ: กิจกรรมทางกายสามารถช่วยลดฮอร์โมนความเครียดและกระตุ้นการปล่อยสารเอนดอร์ฟินที่ช่วยปรับปรุงอารมณ์.

  2. การฝึกสติและการทำสมาธิ: การฝึกสติและการทำสมาธิสามารถช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบันมากขึ้นและลดความวิตกกังวล.

  3. การนอนหลับที่เพียงพอ: ควรนอนหลับให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากความเครียดประจำวัน.

  4. อาหารที่ดีต่อสุขภาพ: การรับประทานอาหารที่สมดุลช่วยให้สุขภาพโดยรวมและพลังงานดีขึ้น อีกทั้งสร้างความทนทานต่อความเครียดมากขึ้น.

  5. การเข้าสังคม: การเชื่อมต่อกับเพื่อนและครอบครัวสามารถให้การสนับสนุนทางอารมณ์และช่วยให้คุณรับมือกับความเครียด .

  6. ความช่วยเหลือจากมืออาชีพ: หากความเครียดกลายเป็นเรื่องเราคุณรู้สึกว่าไม่สามารถรับมือได้ การขอความช่วยเหลือจากนักบำบัดหรือที่ปรึกษาแพทย์จะช่วยให้คุณจัดการความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

แหล่งอ้างอิง

  1. Mayo Clinic Staff. (2020). Exercise and stress: Get moving to manage stress. Mayo Clinic. Retrieved from Mayo Clinic

  2. Harvard Health Publishing. (2018). Benefits of mindfulness. Harvard Medical School. Retrieved from Harvard Health

  3. American Psychological Association. (2013). Stress and sleep. Retrieved from APA

  4. Harvard T.H. Chan School of Public Health. (2021). The Nutrition Source: Stress and health. Retrieved from Harvard T.H. Chan

  5. National Institute of Mental Health. (2020). Social support is critical in managing stress. Retrieved from NIMH

  6. American Psychological Association. (2020). Managing stress: Strategies for coping. Retrieved from APA

การทำแบบทดสอบนี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับระดับความเครียดของคุณและช่วยให้คุณดำเนินการเชิงรุกเพื่อจัดการกับความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำไว้ว่าการจัดการความเครียดเป็นกระบวนการต่อเนื่อง และสิ่งสำคัญคือการค้นวิธีรับมือที่เหมาะสมกับคุณ

การฝึกพิลาทิสนอกจากเป็นการออกกำลังกายแล้ว ยังมีการใช้สมาธิระหว่างฝึกร่างกายอีกด้วย

สนใจฝึกพิลาทิส หรือปรึกษาการออกกำลังกาย ติดต่อ ไลน์: @purepilates , 06 5159 5351

Previous
Previous

Glow on the Go: เคล็ดลับดูแลผิวก่อนและหลังออกกำลังกาย

Next
Next

5 อาหารเบาๆ ก่อนฝึกพิลาทิส